สับปะรดนางแล-ภูแล

สับปะรดนางแล

สับปะรดนางแลหรือสับปะรดพันธุ์น้ำผึ้ง กลุ่มสายพันธุ์ยาเคน เป็นพันธุ์ย่อยของพันธุ์ปัตตาเวีย เพราะมีลักษณะ ต้นใบและดอก คล้ายกัน การตั้งชื่อ “สับปะรดนางแล” ผู้ที่นำสับปะรดนางแลมาปลูกในตำบลนางแลครั้งแรก(ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงรายจังหวัดเชียงรายซึ่งตำบลนี้ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 12 กิโลเมตร ทางไปอำเภอแม่จันซึ่งปลูกสับปะรดนางแลมาที่สุด) ชื่อ “นายเข่ง แซ่อุย” เป็นชาวจีนไหหลำอพยพมาจากประเทศจีน ได้ภรรยาชื่อ นางจันทร์ เกิดคำ เดิมอาศัยอยู่ที่บ้านปากกองอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่แล้วอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านป่าซางวิวัฒน์หมู่ที่ 17 ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายเข่งได้กลับไปเยี่ยมญาติ และได้นำสับปะรดพันธุ์นี้มาจากสิงคโปร์ประมาณปี พ.ศ. 2480 ประมาณ 30 หน่อ โดยมี 3 พันธุ์ คือ

-พันธุ์ใบอ่อนมีหนาม ขนาดผลเล็กหวานหอม เนื้อกรอบ

- พันธุ์ใบแข็งมีหนาม ขนาดผลใหญ่กว่าพันธุ์ใบอ่อนมีหนาม หวานหอม ฉ่ำ ตาตื้น

- พันธุ์ใบไม่มีหนาม (มีหนามปลายใบเล็กน้อย) ขนาดผลใหญ่ตาโปนยื่นออกมา หวาน หอม

เป็นพันธุ์ที่ปลูกกันแพร่หลายอยู่ทุกวันนี้โดยนำมาปลูกที่หลังโบสถ์ คริสตจักรบ้านป่าซางวิวัฒน์เป็นครั้งแรก ปรากฎว่าในปีแรกสับปะรดทั้ง3 พันธุ์ มีเนื้อขาว หวาน กรอบแต่ปีต่อๆ มา สีเนื้อได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำผึ้ง หวานฉ่ำ กลิ่นหอมเหมือนน้ำผึ้ง นายเข่ง แซ่อุย หรือโกเข่ง เป็นคนที่หวงพันธุ์มาก จึงแพร่ขยายพันธุ์ช้า
ในปี พ.ศ. 2505 กำนันคำลือ เขื่อนเพชร กำนันเก่าตำบลนางแลได้ซื้อหน่อสับปะรด จากสวนนายเข่ง แซ่อุย มาปลูกและไม่หวงพันธุ์สับปะรดพันธุ์นี้จึงได้แพร่ขยายพันธุ์ต่อไป และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค
ลักษณะของสับปะรดนางแล มีทรงพุ่มเล็กกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย ขอบใบเรียบไม่มีหนามจะมีเฉพาะที่ปลายใบเล็กน้อย ผลมีรูปทรงกระบอก (ส่วนบนมีความกว้างเท่ากับ ส่วนล่างของผล ผลย่อยมีจำนวนน้อย และใหญ่กว่าพันธุ์ปัตตาเวีย) ตาของสับปะรดนางแลจะนูนโปนยื่นออกมาไม่ฝังลึกสามารถปอกด้วยมีดเพียงบางๆ ก็จะถึงเนื้อในไม่มีส่วน ของตาเหลืออยู่ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเนื้อในการที่จะต้องกรีดเอาตาออกเหมือนสับปะรดพันธุ์อื่น เนื้อจะมีรสหวานฉ่ำ สีเหลืองเข้มออกสีน้ำผึ้ง กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นน้ำผึ้งมีเยื่อใบต่ำ ขนาดของผลเฉลี่ยหนักตั้งแต่ 1-1.5 กิโลกรัมมีเปลือกบางไม่เหมาะสำหรับการขนส่งทางไกลเพราะอาจจะทำให้ผลช้ำได้ง่าย
ประวัติความเป็นมาสับปะรดภูแล
เมื่อปี พ.ศ. 2520 นายอเนก ประทีป ณ ถลาง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ได้นำหน่อพันธุ์สับปะรดภูเก็ตซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ควีนจากจังหวัดภูเก็ต มาปลูกครั้งแรกที่ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งภูมิศาสตร์ของสับปะรดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเป็นอย่างดีคือสับปะรดนางแล แต่ด้วยปัจจัยทางธรรมชาติและปัจจัยจากมนุษย์ทำให้สับปะรดที่ปลูกได้ในแหล่งภูมิศาสตร์นี้มีลักษณะที่แตกต่างจากสับปะรดภูเก็ตคือขนาดผลเล็ก รูปร่างทรงกลม จุกใหญ่ ตั้งตรง รับประทานได้ทั้งเนื้อและแกน ซึ่งต่อมาได้เรียกชื่อสับปะรดดังกล่าวว่า“สับปะรดภูแล” โดยการนำเอาชื่อ “ภูเก็ต”ซึ่งเป็นแหล่งปลูกเดิมมาผสมคำกับแหล่งปลูกใหม่คือ “นางแล” และขยายพื้นที่การปลูกครอบคลุมสามตำบลคือตำบลนางแล ตำบลท่าสุด และตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สับปะรดภูแลเชียงราย(Chiangrai Phulae Pineapple) หมายถึง สับปะรดในกลุ่มควีน ซึ่งปลูกในตำบลนางแล ตำบลท่าสุด และตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ลักษณะของสินค้า
(1) พันธุ์สับปะรด : เป็นสับปะรดในกลุ่มควีน
(2) ลักษณะทางกายภาพ

- ผลขนาดเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 150 กรัม -1000 กรัม ความยาวของจุกโดยเฉลี่ย 1-1.5 เท่า ของความยาวผลตัวจุกมีลักษณะชี้ตรง

- ตาผล ตาเต่งตึงโปนออกมาจากผลอย่างเห็นได้ชัด

- เปลือก เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการ ขนส่งระยะไกล เมื่อสุกเปลือกผลจะมีสีเหลือง หรือเหลืองปนเขียว

- เนื้อ เนื้อสีเหลือง กรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้

- รสชาติ มีความหวานปานกลาง

- ใบในเรียวเล็ก สีเขียวอ่อน และมีแถบสีชมพูบริเวณกลางใบขอบใบมีหนามเรียงชิดติดกันตลอดความยาวของใบ

(3)ลักษณะทางเคมี : มีปริมาณกรดโดยรวมเฉลี่ยร้อยละ 0.45 ความหวานอยู่ระหว่าง 14-16 º brix

ขึ้นด้านบน

สับปะรดพันธุ์นางแล
ตาของสับปะรดนางแลจะนูนโปนยื่นออกมาไม่ฝังลึกสามารถปอกด้วยมีดเพียงบางๆ ก็จะถึงเนื้อในไม่มีส่วน ของตาเหลืออยู่ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเนื้อในการที่จะต้องกรีดเอาตาออกเหมือนสับปะรดพันธุ์อื่น เนื้อจะมีรสหวานฉ่ำ สีเหลืองเข้มออกสีน้ำผึ้ง กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นน้ำผึ้ง
สับปะรดพันธุ์ภูแล
เนื้อ เนื้อสีเหลืองกรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้ เปลือกค่อนข้างหนาเหมาะสำหรับการ ขนส่งระยะไกล
ประโยชน์ของสับปะรด
สับปะรดมีสารอาหารที่มีประโยชน์จำนวนมากและมีคุณค่าทางยาสูงมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อเสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบความดันโลหิตสูงหลอดลมอักเสบ